คิดไป Silicon Valley ตอนที่ 3:

ตะลุยสำนักงานใหญ่ Facebook และ Twitter

Kid Parchariyanon
Superchai

--

ตะลุยสำนักงานใหญ่ของพี่มาร์ค คนที่ Fortune Magazine ยกให้เป็น Business Person of the Year 2016 ไปหมาดๆ เลยถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมพี่มาร์ค แต่ไม่เจอ 555 เจอพี่นีล Neil Rodzach, FinTech evangelist มาต้อนรับแทน เตรียมดูรูปกันให้อิ่ม

Lobby เล็กๆ ยืนต่อคิวกันเพื่อลงทะเบียน
ลงทะเบียนแล้วก็จะได้บัตรผ่านมา
ใหญ่มาก เลยต้องเรียกว่าเป็น Campus
นั่งตากลมกันเพลินๆ
ดื่มอะไรดีครับ?
หิวมั้ย? แต่ไม่มีขนมจีบ ซาลาเปานะ

สิ่งที่ผมชอบที่สุดของการมาเยือน Facebook Campus ไม่ใช่เพราะพื้นที่ใหญ่โต สถานที่น่าทำงาน หรือ อาหารและขนมฟรีตลอดทั้งวัน (ตามรูป) แต่เรื่องของ Townhall Meeting ที่ทำกันทุกสัปดาห์ ซึ่งพี่มาร์คและผู้บริหารท่านอื่นๆจะออกมาให้ข้อมูลอัพเดต อธิบาย ทำโพลล์ เปิดโอกาสให้ถามคำถามกันทั้งบริษัท สำหรับใครที่มาไม่ได้ หรืออยู่ในบริเวณอื่นๆ ก็สามารถดูผ่าน Facebook TV ได้ ไม่พอยังสามารถดูย้อนหลังได้อีกด้วยถ้าติดประชุม ซึ่งผมว่าการได้พูดคุยกับพนักงานทั้งองค์กร ทุกสัปดาห์ แบบนี้ทำให้ การสื่อสารเรื่องต่างๆภายในองค์กรดีมาก และลดปัญหาที่เกิดจากการสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ใครที่ทำ Townhall อยู่แล้วมาแบ่งปันกันบ้างนะครับ ว่าทำถี่แค่ไหน และผลที่ได้เป็นอย่างไร?

นีลบอกว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่คนมาทำงานที่ Facebook เจอในช่วง 3 เดือนแรกคือ เรื่อง Information Overflow คือไม่ใช่ไม่รู้จะไปหาข้อมูล เรื่องนี้เรื่องนั้นจากที่ไหน แต่ก็ข้อมูลมีอยู่ทุกที่ ทุกช่องทาง หลายทีมช่วยกันทำ และบางครั้งก็ต่างคนต่างทำ ทำให้ข้อมูลมันเยอะมาก ปัญหาเลยไปอยู่ที่ตัวพนักงานว่าจะสามารถจัดการกับข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไร

ตึกและทางเดิน
หันหลังกลับไปจากรูปก่อนหน้า
Facebook Store ไม่ได้มีขายอยู่ด้านนอกเหมือนของ Google หรือ Apple
ศิลปะฝาผนัง
1% Finished is my favorite quote

หลังจากคุยกับนีลเสร็จก็ถึงไฟท์บังคับคือการไปถ่ายรูปกับป้าย Facebook ว่าฉันมาที่นี่แล้วนะ แต่พอเดินไปถ่ายถึงกับอึ้ง ทายสิครับว่า ด้านหลังของป้าย Facebook คืออะไร…ใช่ครับมันคือป้ายของบริษัท Sun Microsystems ซึ่งพี่มาร์คก็แสบมาก หลังจากที่ Oracle ซื้อ Sun Microsystems ไปในปี 2009 และ Facebook ก็ย้ายออฟฟิศมาอยู่ตรงนี้ แทนที่พี่มาร์คจะทำป้ายบริษัทใหม่ กลับเอาป้าย Sun กลับหลังแล้วเอาป้าย Facebook ไว้ข้างหน้าแทน เล่นง่ายไปมั้ยพี่มาร์ค!!! เหตุผลก็เพื่อจะเตือนพนักงานทุกคนว่า ถ้าอยู่จุดสูงสุดแล้วไม่ยอมพัฒนาต่อก็จะพบจุดจบแบบนี้!!! แสบและมีวิสัยทัศน์จริงๆ

ด้านหน้าของป้าย
ด้านหลังของป้ายเดียวกัน แสบมั้ยล่ะพี่มาร์ค
ผ่านมา GooglePlex แบบเฉี่ยวๆและไปต่อเลย

เสร็จแล้วก็มีโอกาสไปแวะที่ GooglePlex สั้นๆพอได้เก็บภาพบรรยากาศ
แล้วทานข้าวบนรถมุ่งหน้าไป IBM Bluemix Garage ย้ายฐานจาก Palo Alto ไปที่ Downtown San Francisco ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที ถึง Co-Working Space ชื่อ Galvanize ซึ่งเป็นที่ตั้งของ IBM Bluemix Garage ด้วย

Galvanize @ San Franscisco

ถึงปุ๊ป Dwight York — Solution Architect ออกมาต้อนรับและเริ่มเล่าถึงที่มาที่ไปที่ IBM Garage นี้ตั้งขึ้นมาก็เพื่อจะทำให้ Startup สามารถเข้ามาปรึกษาขอความช่วยเหลือตั้งแต่เรื่อง Business ยัน Prototype (แน่นอนต้องใช้เครื่องมือของ Bluemix) ซึ่งสามารถทำ Prototype ได้ภายใน 1 สัปดาห์ Dwight บอกว่า IBM เลือกที่จะพาร์ทเนอร์กับ Galvanize ซึ่งถือเป็น Co-working space ที่เน้นเรื่อง Data Science และมีหลักสูตรปริญญาด้าน Data Science โดยตรง ซึ่งก็ถือว่าล้ำมากๆสำหรับ Co-working Space เทียบกับในบ้านเรา

ด้านใน Garage

เป็นวิธีการที่น่าสนใจว่าบริษัทขนาดใหญ่ อยากจะทำตัวให้เข้ากับสตาร์ทอัพก็ต้องปรับตัว การปรับตัวอย่างหนึ่งที่ IBM ทำก็คือมาสร้างออฟฟิศตัวเองอยู่ใน Startup Community เสียเลย Dwight เล่าต่อว่าที่เราเห็นอยู่นี่เป็น IBM ยุคใหม่มากๆ เพราะปกติห้ามใส่ยีนส์มาทำงาน ออฟฟิศก็จะดูจริงจังมากกว่านี้ แต่อันนี้ชิลกว่าเยอะ มีความคล่องตัวกว่า

อีกจุดที่น่าสนใจคือ เค้า Adopt เอา Design Thinking มาใช้เยอะมาก โดยมีการปรับให้เข้ากับวิธีการทำงานของเค้าเอง ในช่วงเวลาสั้นๆที่เข้าไปนั่งฟังเค้า มีให้เราทำ Mini — Design Thinking Workshop ด้วย เรียกว่าได้อารมณ์ทีเดียว ต้องขอบคุณ Tap Sevikul ที่ช่วยดูแลเราอย่างดีนะคร้าบ

Canteen ซึ่งปกติก็เป็นที่ใช้ทำ Townhall ทุกสัปดาห์ด้วย

ไปต่อที่ Twitter Office Tour ซึ่งก็ได้น้องโจ๊กSratha Saengsuwarn พาทัวร์ ซึ่งถ้าดูแล้วออฟฟิศนี้ เน้นเรื่องกินมาก 555 โรงอาหารมีหลายที่ และ อาหารไม่เหมือนกัน คราฟเบียร์ก็มี อืมมมเจ๋ง! ส่วนเรื่องงานของ Developer ที่นี่ก็จะเริ่มจาก Standup meeting เพื่อบอกว่าเมื่อวานทำอะไรไปแล้ววันนี้มีแผนจะทำอะไร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มสายมาก 11โมง ประมาณว่าแรกๆก็เริ่มเช้า 8–9โมง แล้วทุกคนก็บ่นว่ามันเช้าไป ก็เลยขยับมาเรื่อยๆ 555 แต่เค้าก็ทำงานกันจนมือค่ำนะครับ ใครจะเอาตัวอย่างนี้ไปคุยกับที่บริษัทเพื่อเลื่อนเวลาเข้างานก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะครับ

โรงอาหารซึ่งมีแบบนี้เกือบทุกชั้น แทบไม่เห็นที่ทำงานเลย
ปาร์ตี้กันจริงจังกว่าชั้นเมื่อกี้อีก ข้างในห้องไม้ๆก็มีที่นั่งชิลๆ
เอ้า….ชน

จนถึงตอนนี้ก็แทบหมดแรงแล้วครับ แต่พรุ่งนี้สนุกกว่านี้อีก โปรดติดตาม #KidSiliconValley

--

--

Kid Parchariyanon
Superchai

CEO and Co-Founder, RISE | Managing Partner, SeaX Ventures — Our mission is to drive 1% of GDP for Southeast and reduce 1% of Carbon Emissions for the world 🌎